5 ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันระบบหัวใจขององค์กร ให้ระบบ ERP
- วางแผนรับมือภัยพิบัติโดยทำ Real-time backup หลายชั้น และซ้อมแผนกู้คืนระบบสม่ำเสมอ
- จัดการด้านบุคลากรผ่านการฝึกอบรมเข้มข้น และควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงระบบอย่างรัดกุม
- ทำการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน โดยตรวจสอบระบบประจำวันและอัพเดทระบบ/แพทช์ให้ทันสมัย
- ประเมินและจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ติดตามภัยคุกคามใหม่ๆ และปรับปรุงมาตรการป้องกัน
- จัดตั้งทีมเฉพาะกิจสำหรับรับมือเหตุฉุกเฉิน พร้อมพัฒนาความเชี่ยวชาญภายในองค์กรเอง
“ระบบล่มครับ! ERP เข้าไม่ได้ ทั้งฝ่ายผลิตและคลังสินค้าต้องหยุดงานชะงัก””
นี่คือข้อความที่ไม่มี IT Manager คนไหนอยากได้รับในยามเช้า แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริงและสร้างความเสียหายมหาศาลให้กับองค์กร จากสถิติพบว่าการหยุดชะงักของระบบ ERP เพียง 1 วัน สามารถสร้างความเสียหายให้องค์กรได้หลายล้านบาท ทั้งในแง่ของรายได้ที่หายไป ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ลดลง
ในยุคที่ธุรกิจต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ระบบ ERP ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์บริหารจัดการธุรกิจทั่วไป แต่เป็น “หัวใจ” ที่หล่อเลี้ยงการทำงานทุกส่วนขององค์กร เมื่อระบบมีปัญหา ผลกระทบจึงลุกลามไปทั่วทั้งองค์กรอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าหลายองค์กรจะใช้บริการ IT Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญ แต่การวางแผนป้องกันและเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ บทความนี้จะแนะนำ 5 วิธีที่จะช่วยให้ระบบ ERP ขององค์กรคุณปลอดภัยและพร้อมใช้งานตลอดเวลา เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้แม้ในยามวิกฤติ
1. การวางแผนรับมือเหตุฉุกเฉินและแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ
- การสำรองข้อมูลแบบ Real-time และหลายชั้น
การสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพต้องทำแบบ Real-time และมีหลายชั้น
– สำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติทุกการเปลี่ยนแปลง
– จัดเก็บข้อมูลสำรองในหลายสถานที่และหลายรูปแบบ
– ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลสำรองอย่างสม่ำเสมอ
- การทดสอบแผนกู้คืนระบบอย่างสม่ำเสมอ
การมีแผนกู้คืนระบบไม่เพียงพอ ต้องมีการทดสอบด้วย
– จัดให้มีการซ้อมแผนกู้คืนระบบเป็นประจำ
– ทดสอบการกู้คืนข้อมูลจากระบบสำรองทุกรูปแบบ
– ปรับปรุงแผนตามผลการทดสอบและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
2. การบริหารจัดการบุคลากรและการเข้าถึงระบบ
- การฝึกอบรมผู้ใช้งานอย่างเข้มข้น
บุคลากรเป็นจุดอ่อนสำคัญด้าน IT Security การฝึกอบรมจึงสำคัญมาก
– จัดอบรมการใช้งานระบบอย่างถูกต้องและปลอดภัย
– ให้ความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามและวิธีป้องกัน
– ทดสอบความเข้าใจและทักษะอย่างสม่ำเสมอ
- การกำหนดสิทธิ์และการติดตามการใช้งาน
ระบบควบคุมการเข้าถึงที่รัดกุมช่วยป้องกันปัญหาได้มาก
– กำหนดสิทธิ์ตามความจำเป็นในการใช้งานจริง
– ตรวจสอบและบันทึกการเข้าถึงระบบทุกครั้ง
– ทบทวนและปรับปรุงสิทธิ์การเข้าถึงเป็นระยะ
3. การดูแลและบำรุงรักษาระบบเชิงป้องกัน
- การตรวจสอบประสิทธิภาพระบบประจำวัน
การเฝ้าระวังระบบอย่างต่อเนื่องช่วยป้องกันปัญหาก่อนเกิด
– ตรวจสอบการทำงานของระบบทุกส่วน
– มีระบบแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ
– บันทึกและวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงาน
- การอัพเดทระบบและแพทช์ความปลอดภัย
ระบบต้องทันสมัยและปลอดภัยอยู่เสมอ: