สร้างทีม IT Security รุ่นใหม่: 4 กลยุทธ์บริหารความปลอดภัยไอทีแบบไฮบริด

5 ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการสร้างทีม IT Security รุ่นใหม่ 

  1. การสร้างความปลอดภัยไอทีแบบไฮบริด ผสมผสานจุดแข็งระหว่างทีมภายในกับ IT Outsource เป็นทางเลือกที่เหมาะสมในยุคปัจจุบัน 
  1. ทีมแกนนำภายใน (Core Security Team) ที่เข้าใจทั้งธุรกิจและเทคโนโลยี เป็นสะพานเชื่อมสำคัญระหว่างผู้บริหาร ทีมธุรกิจ และ IT Outsource 
  1. การวาง Security Framework ที่ยืดหยุ่น พร้อมแบ่งความรับผิดชอบชัดเจนระหว่างทีมภายในและภายนอก ช่วยลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน 
  1. ระบบ Knowledge Management แบบบูรณาการ ช่วยรวบรวมและจัดการความรู้ด้าน IT Security ให้ทุกฝ่ายเข้าถึงและใช้งานร่วมกันได้ 
  1. โปรแกรม Security Champion สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทั่วทั้งองค์กร ผ่านตัวแทนจากแต่ละแผนกที่ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาด้านความปลอดภัย 

“จะสร้างทีม Security ภายใน หรือจะจ้าง Outsource ดี?”  

คำถามนี้อาจเคยผุดขึ้นในใจผู้บริหารหลายท่าน เมื่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น การตัดสินใจเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่งอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดอีกต่อไป 

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจแนวคิด “ไฮบริด” ที่ผสมผสานจุดแข็งของทั้งทีมภายในและ IT Outsource เข้าด้วยกัน พร้อมเจาะลึก 4 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้องค์กรของคุณสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และตอบโจทย์ธุรกิจในยุคดิจิทัล เพราะการพึ่งพาเพียงทีม IT Outsource อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน การสร้างทีม IT Security ภายในที่แข็งแกร่งก็ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมหาศาล  

1. สร้างทีมแกนนำภายในที่แข็งแกร่ง (Core Security Team) 

การมีทีมแกนนำภายในที่เข้าใจทั้งธุรกิจและเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญ ทีมนี้จะทำหน้าที่เป็น “สะพาน” เชื่อมระหว่างผู้บริหาร ทีมธุรกิจ และ IT Outsource  

ทีมแกนนำควรประกอบด้วย: 

  • Security Architect ที่ออกแบบโครงสร้างความปลอดภัยองค์รวม 
  • Security Analyst ที่วิเคราะห์ความเสี่ยงและภัยคุกคาม  
  • Project Manager ที่ประสานงานระหว่างทีมภายในและภายนอก 

เคล็ดลับความสำเร็จ: เลือกคนที่มี “Growth Mindset” พร้อมเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ และมีทักษะการสื่อสารที่ดี 

2. วาง Security Framework ที่ยืดหยุ่น 

Framework ที่ดีต้องรองรับทั้งการทำงานประจำและการรับมือเหตุฉุกเฉิน โดยแบ่งความรับผิดชอบระหว่างทีมภายในและ IT Outsource อย่างชัดเจน 

ตัวอย่างการแบ่งงาน: 

  • ทีมภายใน: กำหนดนโยบาย วิเคราะห์ความเสี่ยง ตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐาน 
  • IT Outsource: ดูแลระบบประจำวัน ตรวจจับภัยคุกคาม ตอบสนองเหตุการณ์เร่งด่วน 

Pro Tip: ใช้ RACI Matrix ในการกำหนดบทบาทหน้าที่ จะช่วยลดความซ้ำซ้อนและช่องว่างในการทำงาน 

3. พัฒนาระบบ Knowledge Management แบบบูรณาการ 

ความรู้ด้าน IT Security ต้องไม่กระจัดกระจายหรือพึ่งพาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ระบบจัดการความรู้ที่ดีจะช่วยให้ทั้งทีมภายในและ IT Outsource ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

องค์ประกอบสำคัญ: 

  • Security Playbook รวบรวมขั้นตอนการทำงานและแนวทางแก้ปัญหา 
  • Incident Database บันทึกเหตุการณ์และวิธีรับมือที่ผ่านมา 
  • Technical Documentation คู่มือระบบและการตั้งค่าต่างๆ 

Best Practice: จัดทำ “Security Knowledge Base” แบบ Wiki ที่ทั้งสองทีมสามารถเข้าถึงและอัพเดทได้ 

4. สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยผ่าน “Security Champion Program” 

การสร้าง “Security Champion” ในแต่ละแผนกจะช่วยขยายความตระหนักด้านความปลอดภัยทั่วทั้งองค์กร โดยไม่ต้องพึ่งพาทีม IT Security อย่างเดียว 

แนวทางการดำเนินการ: 

  • คัดเลือกพนักงานที่สนใจด้าน IT Security จากแต่ละแผนก 
  • จัดอบรมความรู้พื้นฐานและอัพเดทภัยคุกคามใหม่ๆ 
  • ให้บทบาทในการเป็นหูเป็นตาด้านความปลอดภัย 

Insider Tip: สร้างแรงจูงใจผ่านการให้ประกาศนียบัตร หรือโอกาสในการพัฒนาสายอาชีพด้าน IT Security 

ดังนั้นแล้ว การสร้างทีม IT Security แบบไฮบริดไม่ใช่เพียงการจ้าง IT Outsource แล้วตั้งทีมภายในมาคอยตรวจสอบ แต่เป็นการผสมผสานจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายอย่างชาญฉลาด ทีมภายในที่เข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ผนวกกับความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของ IT Outsource จะสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้กับองค์กร 

การเริ่มต้นอาจดูท้าทาย แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและการดำเนินการอย่างเป็นระบบ องค์กรจะได้ทีม IT Security ที่ทั้งแข็งแกร่งและยืดหยุ่น พร้อมรับมือกับภัยคุกคามในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 

เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ

Virtualization (VM)

หลังรับการปรึกษา ลูกค้ากว่า 80% สามารถนำไปแก้ไขปัญหาเองได้ทันที