ลองจินตนาการถึงเช้าวันจันทร์ที่เลวร้ายที่สุด… คุณและพนักงานเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แต่กลับพบว่าไฟล์งานสำคัญทั้งหมด ทั้งไฟล์บัญชี, ข้อมูลลูกค้า, แบบเสนอลูกค้า ถูก “ล็อก” และเปิดไม่ได้ พร้อมกับข้อความเรียกเงินค่าไถ่จำนวนมหาศาลในรูปแบบคริปโตฯ
นี่ไม่ใช่ฉากในภาพยนตร์ แต่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับ SME ไทยหลายร้อยแห่ง “Ransomware” หรือไวรัสเรียกค่าไถ่ ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับบริษัทใหญ่อีกต่อไป แต่ SME คือเป้าหมายหลัก เพราะแฮกเกอร์รู้ว่าคุณอาจยังไม่พร้อมรับมือ
ลองตอบคำถาม 5 ข้อนี้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อประเมินว่าธุรกิจของคุณยืนอยู่บนความเสี่ยงระดับไหน
เช็กลิสต์ประเมินความเสี่ยง Ransomware
ข้อที่ 1: พนักงานทุกคนในบริษัทของคุณรู้จักและแยกแยะอีเมล Phishing ออกหรือไม่?
( ) ใช่ / ( ) ไม่ใช่
ทำไมจึงสำคัญ: กว่า 90% ของการโจมตีจาก Ransomware เริ่มต้นจากอีเมล Phishing เพียงแค่พนักงานคนเดียวคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบที่ไม่น่าไว้วางใจ ก็เปรียบเสมือนการเปิดประตูหลังบ้านให้โจรเข้ามาได้ทั้งเครือข่าย หากคุณไม่เคยมีการอบรมหรือแจ้งเตือนพนักงานในเรื่องนี้เลย… คุณกำลังเสี่ยงอย่างยิ่ง
ข้อที่ 2: คุณมีการสำรองข้อมูล (Backup) ที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอ และ “เก็บไว้นอกเครือข่ายหลัก” หรือไม่?
( ) ใช่ / ( ) ไม่ใช่
ทำไมจึงสำคัญ: การมี Backup คือทางรอดเดียวที่จะทำให้คุณไม่ต้องจ่ายค่าไถ่ แต่หลายบริษัทสำรองข้อมูลไว้ใน External Drive ที่เสียบคาทิ้งไว้กับคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศ ซึ่งเมื่อถูกโจมตี ไฟล์ Backup เหล่านั้นก็จะถูกเข้ารหัสไปด้วยเช่นกัน Backup ที่ดีต้องถูกเก็บแยกไว้ต่างหาก (Off-site หรือบน Cloud ที่ปลอดภัย) และมีการทดสอบกู้คืนอย่างสม่ำเสมอ
ข้อที่ 3: คุณใช้ระบบยืนยันตัวตนหลายปัจจัย (MFA) ในการเข้าระบบอีเมลและข้อมูลบน Cloud หรือไม่?
( ) ใช่ / ( ) ไม่ใช่
ทำไมจึงสำคัญ: รหัสผ่านสามารถถูกขโมยได้ง่ายมาก MFA คือ “กุญแจชั้นที่สอง” ที่บังคับให้ต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านมือถือก่อนเข้าระบบ ต่อให้แฮกเกอร์มีรหัสผ่านของคุณ พวกเขาก็จะไม่สามารถล็อกอินเข้ามาเพื่อปล่อย Ransomware ได้ หากคุณยังใช้แค่ Password อย่างเดียว ก็เหมือนคุณล็อกบ้านด้วยกุญแจชั้นเดียวที่ใครๆ ก็ปั๊มเพิ่มได้
ข้อที่ 4: อุปกรณ์ทุกเครื่องในบริษัทมีการอัปเดตซอฟต์แวร์และ Windows อย่างสม่ำเสมอหรือไม่?
( ) ใช่ / ( ) ไม่ใช่
ทำไมจึงสำคัญ: แฮกเกอร์มักจะโจมตีผ่าน “ช่องโหว่” ของซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้อัปเดต การกด “Update Later” ไปเรื่อยๆ ก็เหมือนกับการที่คุณรู้ว่าหน้าต่างบ้านเสีย แต่ก็ยังไม่ยอมซ่อมเสียที การอัปเดตสม่ำเสมอคือการอุดช่องโหว่เหล่านี้และเป็นวิธีป้องกันพื้นฐานที่สำคัญที่สุด
ข้อที่ 5: คุณใช้ระบบป้องกันไวรัสที่เหนือกว่า Antivirus ทั่วไป ที่ตรวจจับ “พฤติกรรมที่ผิดปกติ” ได้หรือไม่?
( ) ใช่ / ( ) ไม่ใช่
ทำไมจึงสำคัญ: Antivirus แบบดั้งเดิมจะตรวจจับไวรัสจาก “หน้าตา” ที่รู้จักแล้ว แต่ Ransomware สมัยใหม่สามารถ “ปลอมหน้า” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ ระบบป้องกันที่ทันสมัย (Next-Generation Antivirus) อย่าง Microsoft Defender for Business จะไม่ดูแค่หน้าตา แต่จะคอยตรวจจับ “พฤติกรรม” ที่น่าสงสัย เช่น มีโปรแกรมแปลกๆ พยายามจะเข้ารหัสไฟล์พร้อมกันจำนวนมาก และจะสั่งหยุดมันได้ทันทีก่อนจะเกิดความเสียหาย
ประเมินผลคะแนนของคุณ
- ตอบ “ใช่” 4-5 ข้อ: ยอดเยี่ยม! คุณมีการป้องกันพื้นฐานที่ค่อนข้างดี แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังและปรับปรุงอยู่เสมอ
- ตอบ “ใช่” 2-3 ข้อ: คุณมีความเสี่ยงสูง! เหมือนคุณขับรถโดยไม่มีประกันและไม่คาดเข็มขัดนิรภัย อาจจะยังไม่เกิดอุบัติเหตุวันนี้ แต่ถ้าเกิดขึ้น ความเสียหายจะรุนแรงมาก
- ตอบ “ใช่” 0-1 ข้อ: คุณมีความเสี่ยงระดับสูงสุด! ธุรกิจของคุณอาจเป็นเป้าหมายรายต่อไป การลงมือทำอะไรสักอย่าง “ตอนนี้” คือสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่สุด
เปลี่ยนทุก “ไม่ใช่” ให้เป็น “ใช่” ด้วยบริการ IT Outsource จาก Matrix Business Services และ Microsoft 365 Business Premium
การจะทำให้ครบทั้ง 5 ข้ออาจดูเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับ SME ที่ไม่มีฝ่าย IT โดยตรง แต่นี่คือสิ่งที่ทีม IT Outsource จาก Matrix Business Services สามารถช่วยคุณได้ บริการ Implement Microsoft 365 Business Premium ของเรา ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้ง 5 ข้อนี้โดยเฉพาะ:
- ป้องกัน Phishing ด้วยระบบกรองอีเมลอัจฉริยะ (Defender for Office 365)
- สำรองและกู้คืนข้อมูล ได้อย่างปลอดภัยบน OneDrive และ SharePoint
- บังคับใช้ MFA กับพนักงานทุกคน
- ควบคุมการอัปเดต อุปกรณ์ผ่านระบบกลาง
- ติดตั้งระบบป้องกัน Ransomware ที่ตรวจจับจากพฤติกรรม (Defender for Business)
อย่ารอให้ธุรกิจที่คุณสร้างมากับมือต้องพังลงเพราะการคลิกเพียงครั้งเดียว
ติดต่อทีม Matrix Business Services วันนี้ เพื่อขอรับคำปรึกษาและประเมินความเสี่ยง Ransomware สำหรับธุรกิจของคุณ ฟรี! เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยให้คุณตอบ “ใช่” ได้ครบทุกข้อ